อัญมณีหายาก

แนะนำอัญมณีหายาก 9 ชนิด ที่นักสะสมและนักลงทุนไม่ควรพลาด

ขึ้นชื่อว่าอัญมณีแล้วย่อมมาพร้อมกับความสวยงาม ทรงคุณค่า เหมาะสำหรับนำมาประดับอยู่บนเครื่องประดับเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งถ้าเป็นอัญมณีที่ทั้งสวยและหายากด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นที่ต้องการของคนรักเครื่องประดับเป็นอย่างมาก และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจลงทุนในอัญมณีหายากเพื่อเก็งกำไรหรือสะสมอัญมณีล้ำค่า หายากด้วยแล้วล่ะก็ วันนี้เรามีข้อมูลของอัญมณีหายากทั้ง 9 ชนิดมาฝากค่ะ

9 อัญมณีหายากที่ใครๆ ก็อยากได้ไว้ในครอบครอง

1. ทับทิมสยาม (Siam Ruby)

เป็นทับทิมที่มีความแข็งอยู่ที่ 9.5 ตามหลักโมห์สเกล (Moh’s scale) มีแหล่งขุดพบสำคัญอยู่แค่จังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี และตราดเท่านั้น สีทับทิมมีหลากหลากสี ทั้งสีแดงอมชมพู, สีแดงบานเย็น, สีแดงแกมน้ำตาล หรือสีแดงแกมส้ม แต่สีของทับทิมสยามที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจะเป็นสีแดงเลือดนกพิราบ (Pigeon Blood) ซึ่งเป็นสีแดงที่มีความลึกและเข้มข้นสูง ที่สำคัญต้องเป็นสีแดงสดโดยไม่มีสีม่วงเจือปน นอกจากนี้ทับทิมสยามยังมีการเจียระไนที่สวยงาม ทำให้แสงสะท้อนออกมาได้สวยงาม แต่เนื่องจากเหมืองที่ขุดพบทับทิมสยามนั้นปิดตัวไปนานเกือบ 20 ปีแล้ว จึงทำให้ทับทิมสยามเป็นที่ต้องการของตลาดมาจนถึงปัจจุบัน โดยราคาของทับทิมสยามในปัจจุบันนั้นแตะอยู่หลักล้านไปนานแล้วค่ะ คนไทยเชื่อว่าทับทิมสยามเป็น 1 ในอัญมณีนพเก้าที่ช่วยดึงดูดแต่สิ่งดีๆ มาสู่ผู้สวมใส่ ปกป้องภยันตรายทั้งปวง เสริมดวงความรักให้มั่นคงอีกด้วยค่ะ สำหรับราคาของทับทิมสยามจะอยู่ที่ 5,000-10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต (175,000-350,000 บาท) ขึ้นอยู่กับสีและความใส​ แต่หากเป็นทับทิมสยามที่มีคุณภาพสูงแต่ไม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพ (Unheated Siam Ruby) ราคาจะอยู่ที่ 10,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต (350,000-700,000 บาท) และหากเป็นทับทิมสยามขนาดใหญ่มีน้ำหนักมากกว่า 5 กะรัตและคุณภาพดี ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์หายาก อาจมีราคาสูงถึง 30,000 ดอลลาร์ต่อกะรัต (1,050,000 บาท) หรือมากกว่านั้นค่ะ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: รวมทุกข้อที่คุณควรรู้ ก่อนซื้อเครื่องประดับทับทิมสยาม

2. เจ้าสามสี (Alexandrite)

หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า อเล็กซานไดรท์ เป็นพลอยตระกูลครีโซเบริล (Chrysoberyl) มีค่าความแข็งอยู่ที่ 8.5 ตามหลักโมห์สเกล ส่วนมากพบได้ตามเทือกเขาอูราล (Ural Mountains) ในรัสเซีย รองลงมาจะเป็นศรีลังกา บราซิล และแอฟริกา พลอยชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่พลอยจะเปลี่ยนสีได้เองตามแสงที่ตกกระทบ หากเป็นตอนกลางวันหรืออยู่ภายใต้แสงสีขาวจะเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน ส่วนตอนกลางคืนหรืออยู่ภายใต้แสงสีส้มจากหลอดไส้จะเปลี่ยนเป็นสีแดง, สีแดงอมส้ม หรือสีแดงอมม่วง สำหรับรูปทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะเป็นทรงไข่เหลี่ยมผสม (Oval Shape-Mixed Cut) และรูปกลมเหลี่ยมเกสร (Round Shape-Brilliance Cut) เจ้าสามสีนับเป็นอัญมณีมงคลมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ของรัสเซีย เชื่อกันว่าเป็นอัญมณีที่เสริมดวงชะตา กระตุ้นการเกิดความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างความอ่อนโยนให้แก่ผู้สวมใส่ และยังเป็นอัญมณีประจำราศีเกิดมิถุนอีกด้วยค่ะ สำหรับราคาของเจ้าสามสีจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-70,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัตได้เลยค่ะ

3. พัดพารัดชา (Padparadscha Sapphire)

เป็นพลอยในตระกูลคอรันดัมที่มีค่าความแข็งอยู่ที่ 9 ตามหลักโมห์สเกล มีสีชมพูอมส้ม หรือสีส้มอมชมพู คล้ายคลึงดอกบัวพัดพารัดชา โดยสีที่หายากที่สุดจะเป็นสีที่มีความสมดุลระหว่างโทนชมพูและส้ม ไม่เอนเอียงไปทางชมพูหรือส้มมากเกินไป สำหรับแหล่งขุดพบที่ขึ้นอยู่ในเรื่องของคุณภาพสูงจะอยู่ที่ประเทศศรีลังกา รองลงมาจะเป็นมาดากัสการ์และแทนซาเนีย เนื่องจากเป็นพลอยที่หายากมากจึงทำให้ใครหลายคนอาจไม่รู้จักจนกระทั่งพลอยชนิดนี้ได้ถูกนำมาเป็นแหวนหมั้นของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก และซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก ทำให้พลอยชนิดนี้กลายมาเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีการเผาพลอยเข้ามาช่วยให้เพชรมีสีที่สด สวยงามแล้ว แต่สีของพัดพารัดชานั้นถือว่าเป็นสีที่หาได้ยากยิ่ง ส่งผลให้พัดพารัดชาเป็นที่ต้องการมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับราคาของพัดพารัดชาจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-50,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากพลอยมีคุณภาพสูง มีสีสมบูรณ์ และมีขนาดใหญ่ก็อาจมีมูลค่ามากกว่านั้นค่ะ

4. พาราอิบาทัวร์มาลีน (Paraiba Tourmaline)

เป็นพลอยชนิดหนึ่งในตระกูลทัวร์มาลีนที่ขึ้นชื่อว่าหายากมาก มีชื่อเสียงในด้านสีที่โดดเด่นคล้ายแสงนีออนเมื่อโดนแสงไฟ ทำให้ดูโดดเด่นกว่าพลอยชนิดอื่น โดยทั่วไปแล้วพลอยจะมีขนาดเล็ก (น้อยกว่า 1 กะรัต) สำหรับสีที่พบจะมีทั้งสีฟ้าเรืองแสง (Neon blue), สีเขียวอมฟ้า (Turquoise), และสีเขียวสด (Electric green) ส่วนสีที่หายากที่สุดจะเป็นสีฟ้านีออน (Paraiba blue) โดยสีที่ได้จะมาจากทองแดง (Copper) และ แมงกานีส (Manganese) ที่อยู่ในเนื้อพลอย ยิ่งสีมีความเข้มสูงและพลอยมีความใสน้อยมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีมูลค่าสูงตามไปด้วย พลอยชนิดนี้มีค่าความแข็งตามหลัก Mohs Scale อยู่ที่ 7-7.5 ซึ่งเป็นค่าความแข็งระดับปานกลางในกลุ่มอัญมณี สำหรับแหล่งค้นพบพลอยชนิดนี้จะอยู่ที่รัฐพาราอิบา ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดที่มีขนาดเล็กและมีปริมาณที่จำกัด รองลงมาจะเป็นประเทศโมซัมบิกและประเทศไนจีเรียเท่านั้น จึงทำให้พลอยชนิดนี้หายากและมีมูลค่าสูงสุดในกลุ่มทัวร์มาลีน โดยพลอยพาราอิบาทัวร์มาลีนที่มีสีสวย สภาพสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่จะมีราคาต่อกะรัตสูงถึงหลายหมื่นหรือหลายแสนดอลลาร์สหรัฐเลยค่ะ

5. คัลเลอร์เชนจ์ แซฟไฟร์ (Color Change Sapphire)

เป็นพลอยชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษเปลี่ยนสีภายใต้แสงที่แตกต่างกัน เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่าการเปลี่ยนสีแบบคู่ (Pleochroism) ซึ่งเกิดจากการดูดซับและสะท้อนแสงในโครงสร้างผลึกของพลอย หากส่องกับแสงธรรมชาติจะปรากฏเป็นสีเขียว สีฟ้า หรือสีม่วงอ่อน แต่หากส่องกับหลอดไฟหรือแสงเทียนจะปรากฏเป็นสีชมพู สีม่วงแดง หรือสีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบแร่ธาตุ เช่น โครเมียมและเหล็กในพลอย สำหรับค่าความแข็งพลอยชนิดนี้จะอยู่ที่ 9 ตามหลักโมห์สเกล จึงเหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี และนอกจากสีสันที่สวยงาม ความแข็งแรงทนทานเป็นเลิศแล้ว ที่สำคัญยังหายากกว่าพลอยแซฟไฟร์ธรรมดาอีกด้วย จึงทำให้ราคาของคัลเลอร์เชนจ์ แซฟไฟร์ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 500-5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต แต่หากเป็นพลอยที่เปลี่ยนสีชัดและมีขนาดใหญ่จะมีมูลค่าสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัตเลยทีเดียว

6. โอปอลสีดำ (Black Opal)

เป็นพลอยที่มีค่าความแข็งอยู่ที่ 6.5-7.5 ตามหลักโมห์สเกล เม็ดโอปอลจะมีพื้นหลังเป็นสีดำ น้ำตาล เทา น้ำเงินเข้ม หรือเขียวเข้มก็ได้ โอปอลสีดำมีจุดเด่นที่แตกต่างจากโอปอลสีอื่นตรงที่มีเนื้อกึ่งโปร่งใสไปจนถึงทึบแสง จึงสะท้อนแสงเป็นประกายรุ้งได้ดี มีสีสันสดใสเปลี่ยนไปตามมุมมอง (Play of Color) เมื่อหมุนพลอยไปในทิศทางต่างๆ ส่งผลให้โอปอลสีมีราคาดำแพงกว่าโอปอลสีอื่นนั่นเอง สำหรับแหล่งขุดพบโอปอลสีดำเด่นๆ ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย บราซิล และเม็กซิโก แต่แหล่งขุดค้นโอปอลสีดำที่มีคุณภาพสูง มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกจะอยู่ที่ Lightning Ridge ประเทศออสเตรเลีย และเนื่องจากโอปอลสีดำมีความบอบบาง จำเป็นต้องดูแลอย่างพิถีพิถัน หากต้องการโอปอลสีดำสภาพสมบูรณ์ คุณภาพสูงนั้นถือว่าหายากพอสมควรและเป็นที่ต้องการของตลาดอัญมณีเป็นอย่างมาก โดยโอปอลสีดำคุณภาพสูงจะมีราคาประมาณ 5,000–20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัตเลยค่ะ

7. คอร์นฟลาวเวอร์บลู (Cornflower Blue Sapphires)

เป็นแซฟไฟร์หายากที่สุดในโลกอีกชนิดหนึ่งที่มีสีโดดเด่นเป็นสีน้ำเงินอมฟ้าเล็กน้อยคล้ายสีของดอกคอร์นฟลาวเวอร์ในทุ่งข้าวโพด ซึ่งเป็นสีที่ไม่สามารถพบได้ในแซฟไฟร์ทั่วไป โดยมีจุดเด่นตรงที่สีจะเปลี่ยนไปตามมุมมอง แซฟไฟร์ชนิดนี้สามารถแสดงเฉดสีได้หลากหลายตั้งแต่สีน้ำเงินเข้มไปจนถึงสีฟ้าของท้องฟ้า ขึ้นอยู่กับแสงและทิศทางการมอง บวกกับมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มคล้ายกำมะหยี่ ทำให้แซฟไฟร์ชนิดนี้ดูหรูหราและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน

คอร์นฟลาวเวอร์บลูมีค่าความแข็งอยู่ที่ 9 ตามหลักโมห์สเกล สำหรับแหล่งขุดพบจะอยู่ที่ศรีลังกา, แทนซาเนีย, และมาดากัสการ์ โดยคอร์นฟลาวเวอร์บลูที่ได้รับความนิยมมากสุดจะมาจากศรีลังกาเนื่องจากมีสีฟ้าที่สดใส ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับคอร์นฟลาวเวอร์บลูที่มีคุณภาพสูงจะต้องมีสีฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ไม่เข้มเกินไปและไม่จางจนเกินไป มีความใสที่ดี แทบจะไม่มีตำหนิใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นคุณภาพที่สูงมาก ส่งผลให้มูลค่าของแซฟไฟร์ชนิดนี้สูงกว่าแซฟไฟร์ทั่วไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต หรืออาจสูงถึงหลายพันดอลลาร์ต่อกะรัตก็ได้เช่นกันค่ะ

8. มรกตโคลัมเบีย (Muzo Emerald)

เป็นมรกตที่ขึ้นในเรื่องของคุณภาพและความสวยงามมากที่สุดในบรรดามรกตจากทั่วโลก มีค่าความแข็งอยู่ที่ 7.58 ตามหลักโมห์สเกล ขุดพบได้แหล่งเหมือง Muzo, Coscuez, และ Chivor ประเทศโคลัมเบีย โดยมรกตโคลัมเบียจะมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของสีเขียวที่สดและลึก มีความเข้มที่เหมาะสม ดูมีชีวิตชีวามากกว่ามรกตจากแหล่งอื่นที่มีสีเขียวอ่อนหรือมีสีฟ้าผสมอยู่บ้าง ส่วนรอยแตกหรือซิลค์ ซึ่งเป็นเส้นใยที่เกิดจากการเจริญเติบโตของแร่ในมรกตของมรกตโคลัมเบียจะพบได้น้อย ส่งผลให้มรกตมีความใสและส่องแสงได้ดีกว่ามรกตจากแหล่งอื่น นอกจากคุณภาพของมรกตที่สูงแล้วยังขุดพบได้ยากอีกด้วย จึงทำให้มรกตโคลัมเบียเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยราคาของมรกตโคลัมเบียเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐค่ะ

9. คริสโซเบอริลตาแมว (Cat’s eye Chrysoberyl)

สำหรับพลอยชิ้นสุดท้ายนี้จัดเป็นหนึ่งในพลอยที่หายากที่สุดในโลก ถึงแม้จะมีการสร้างเมืองขึ้นมาขุดพลอยชนิดนี้เมืองโมกก ประเทศเมียนมาร์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังหายากพอสมควรในปัจจุบันเนื่องจากธาตุเซอร์โคเนียม (Zirconium) และธาตุโบรอน (Boron) ในธรรมชาติไม่ค่อยได้มีปฏิกิริยาต่อกันเท่าไหร่นัก ไพไนท์เป็นแร่โบเรตที่ประกอบด้วยแคลเซียม เซอร์โคเนียม โบรอน อะลูมิเนียม และธาตุอื่นๆ ในปริมาณเพียงเล็กน้อย มีค่าความแข็งอยู่ที่ 8 ตามหลักโมห์สเกล มีตั้งแต่สีแดงไปจนถึงสีน้ำตาลแดง มีสีส้มหรือม่วงเล็กน้อยภายใต้สภาพแสงบางประเภท ไพไนท์มีเนื้อใสเหมือนแก้วและมีพื้นผิวเป็นริ้วบางส่วน หลายคนเชื่อว่าไพไนท์จะช่วยดึงดูดความปรารถนามาสู่ผู้สวมใส่ บรรลุเป้าหมายได้ไวยิ่งขึ้น ดึงดูดความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด ด้วยการปลดปล่อยอารมณ์เชิงลบและเสริมสร้างความสงบสุขให้แก่ผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี

บทความที่น่าสนใจ

ซื้ออัญมณีแท้ ที่ไหนดี ทำไมต้อง Irin Gems

Irin Gems รับผลิตแหวน จำหน่ายเพชรหลุดจำนำ เพชรมือสอง แหวนหลุดจำนำ ทองหลุดจำนำ แหวนแต่งงาน ของหลุดจำนำ

Jewelry one stop service เป็นบริการจิวเวอร์รี่ที่เดียวที่ให้บริการดูแลเครื่องประดับในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขัด ล้าง ชุบ ออกแบบเครื่องประดับใหม่ ฝังพลอยฝังเพชร ฯลฯ เพราะเราคือ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ที่มีบริการดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์ครบทุกปัญหาเกี่ยวกับเครื่องประดับ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตตัวเรือน ไปจนถึงเครื่องประดับสำเร็จรูป นอกจากนี้เรายังมีทีมดีไซน์ที่พร้อมออกแบบเครื่องประดับได้ ไม่ว่าจะซ่อม, ชุบ, ขัด หรือล้าง ตรงตามความต้องการของคุณ และที่สำคัญเรายังเป็นอาณาจักรของหลุดจำนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งส่งตรงจากโรงรับจำนำทั่วเมืองไทยที่มีการอัปเดตสินค้าทุกอาทิตย์อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้บริการกับเราค่ะ

แชร์บทความ
Line

Your cart

No products in the cart.