ราคาทองย้อนหลัง 10 ปี

ราคาทองย้อนหลัง 10 ปี แตกต่างจากตอนนี้แค่ไหน ช่วยให้เรารู้อะไรบ้าง

หลายคนอาจไม่เคยให้ความสำคัญกับทองมากนักจนกระทั่งราคาทองปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่ผ่านมาและยังไม่มีทีท่าว่าทองจะราคาตกลงเลยแม้แต่น้อย วันนี้เราจะมาพูดวิวัฒนาการของราคาทองย้อนหลัง 10 ปี แตกต่างจากตอนนี้แค่ไหน แล้วข้อมูลในส่วนนี้ช่วยให้เรารู้หรือคาดการณ์ราคาทองอย่างไรได้บ้าง มาอ่านไปพร้อมกันเลยค่ะ

ราคาทองย้อนหลัง 10 ปี เป็นอย่างไร

หากคุณลองค้นหาราคาทองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 (2014) จะพบว่าราคาทองแตกต่างจากปัจจุบันมามาก โดยทองคำแท่งและทองรูปพรรณมีราคาแตกต่างกันดังนี้

ราคาทองเดือนมกราคม ปี 2557

  • ทองคำแท่ง 96.5% ราคารับซื้อบาทละ 18,950 บาท ส่วนราคาขายบาทละ 19,050 บาท
  • ทองรูปพรรณ 99.99% ราคารับซื้อ กรัมละ 1,277 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 19,359.32 บาท
  • ทองรูปพรรณ 96.5% ราคารับซื้อกรัมละ 1,232 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 18,677.12 บาท และราคาขายบาทละ 19,450 บาท
  • ทองรูปพรรณ 90% ราคารับซื้อกรัมละ 1,108.80 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 16,809.41 บาท
  • ทองรูปพรรณ 50% ราคารับซื้อกรัมละ 554 บาท และราคารับซื้อ บาทละ 8,398.64 บาท
  • ทองรูปพรรณ 40% ราคารับซื้อกรัมละ 431 บาท และราคารับซื้อ บาทละ 6,533.96 บาท

โดยราคาทองในปัจจุบันจะดูจากราคาทองเดือนกรกฎาคม ปี 2567

  • ทองคำแท่ง 96.5% ราคารับซื้อบาทละ 40,500 บาท ส่วนราคาขายบาทละ 40,600 บาท
  • ทองรูปพรรณ 99.99% ราคารับซื้อ กรัมละ 2,718 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 41,204.88 บาท
  • ทองรูปพรรณ 96.5% ราคารับซื้อกรัมละ 2,623 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 39,764.68 บาท และราคาขายบาทละ 41,100 บาท
  • ทองรูปพรรณ 90% ราคารับซื้อกรัมละ 2,360.70 บาท ราคารับซื้อ บาทละ 35,788.21 บาท
  • ทองรูปพรรณ 80% ราคารับซื้อกรัมละ 2,098.40 บาท และราคารับซื้อ บาทละ 31,811.74 บาท
  • ทองรูปพรรณ 50% ราคารับซื้อกรัมละ 1,180 บาท และราคารับซื้อ บาทละ 17,888.80 บาท
  • ทองรูปพรรณ 40% ราคารับซื้อกรัมละ 980 บาท และราคารับซื้อ บาทละ 13,916.88 บาท

ราคาทองย้อนหลัง 10 ปี แตกต่างจากปัจจุบันมากไหม

จะเห็นว่าทองคำแท่ง 96.5% มีราคารับซื้อและราคาขายที่สูงขึ้นจาก 10 ปีที่แล้วคิดเป็น 113% ส่วนทองรูปพรรณ 96.5-99.99% มีราคารับซื้อและราคาขายที่สูงขึ้นจาก 10 ปีที่แล้วคิดเป็น 112% โดยปีที่ราคาทองพุ่งสูงแบบก้าวกระโดดคือปีพ.ศ. 2548 ที่มีราคาบาทละ 8,555 บาท ขึ้นมาเป็น 12,900 บาทในปี 2549 ที่ขึ้นมาถึง 4,345 บาท (ขึ้นมา 100%), ปี 2553 ที่มีราคาบาทละ 20,050 บาท ขึ้นมาเป็น 27,100 บาทในปี 2554 (ขึ้นมา 35%)

อ่านเพิ่มเติม: ราคาทองคำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อราคาทองย้อนหลัง 10 ปี

1. สภาพเศรษฐกิจ

หากสภาพเศรษฐกิจดี การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ดูคุ้มค่ากว่า ผู้คนก็จะให้ความสนใจกับการใช้เงินสดมากกว่าการลงทุนทอง ส่งผลให้ราคาทองลดลง เพียงแต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตโควิด-19 ซึ่งทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยและให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ บวกกับเกิดสงครามระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งทองเองก็ถือเป็นสินทรัพย์ชั้นดีที่ปลอดภัยมากกว่าเงินตรา ส่งผลให้ทำให้นักลงทุนลงทุนในทองคำมากขึ้น

2. เงินเฟ้อ

แม้ว่าเงินเฟ้อจะมีผลต่อการใช้จ่ายในทุก ๆ ปี แต่กลับไม่มีผลกับทองนะคะ มิหนำซ้ำยิ่งเงินเฟ้อมากเท่าไหร่ ราคาทองคำก็ยิ่งสูงขึ้นมากด้วยเท่านั้นเนื่องจากนักลงทุนจะรู้สึกว่าการลงทุนไม่เหมาะในช่วงเวลาคับขัน เงินมีค่าน้อยกว่าทอง นอกจากนี้เงินเฟ้อยังมีความสัมพันธ์กับน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง แล้วตอนนี้เองก็ยังมีเหตุสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งรัสเซียเองก็เป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันในอัตราส่วน 10% ของตลาดโลก ส่งผลให้หลาย ๆ ประเทศมองหากำลังการผลิตอื่นแทนน้ำมันของรัสเซียซึ่งทำได้ยากมากและส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นค่ะ

3. ค่าเงินดอลลาร์

เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์เป็นค่าเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางในการค้าขายทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งใช้อ้างอิงราคาทองคำต่อออนซ์ (OZ) ในการเทรดทองคำของตลาดโลก ดังนั้นค่าเงินดอลลาร์จึงมีผลต่อตลาดโลกมากกว่าสกุลเงินอื่น ๆ หากช่วงไหนค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองก็จะพุ่งสูงขึ้นสวนทางด้วยเช่นกัน เนื่องจากทองคำจะมีค่าและปลอดภัยมากกว่าเงินดอลลาร์ แต่หากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำก็จะลดลงด้วยเช่นกัน

4. ความต้องการ

ทองเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมการผลิต การแพทย์ เครื่องประดับ หรือแม้แต่การลงทุนก็ตาม หากตลาดเหล่านี้มีความต้องการนำทองไปใช้เยอะขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการที่ภาครัฐต้องเก็บสะสมทองเพื่อเป็นทุนสำรองฉุกเฉินในยามที่เศรษฐกิจประสบปัญหาทางการเงิน โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทองคำสำรองมากถึง 244.16 ตัน คิดเป็นอันดับที่ 22 ของโลก โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยสำรองทองเพิ่มมากขึ้นถึง 60%

แนวโน้มราคาทอง

แม้ว่าราคาขายของทองคำในปี 2567 จะยังคงพุ่งสูงขึ้นมาเป็น 40,450 บาทในทองคำแท่ง 96.5% และราคาขาย บาทละ 41,050 ในทองรูปพรรณ 96.5% แต่แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วไปก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกประหยัดการใช้จ่ายมากขึ้น หากคุณติดตามข่าวเศรษฐกิจรอบโลกก็จะพบว่าประเทศมหาอํานาจแห่งอาเซียนอย่างจีนมีเทรนด์นึงที่เป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มสาวนั่นก็คือ การออมทองแบบเม็ดทองคำ จากเมื่อก่อนที่ผู้คนจะเก็บเงินทีเดียวแล้วซื้อทองเลยแต่ด้วยภาวะการเงินที่ฝืดเคืองจึงทำให้ผู้คนเริ่มออมทองในราคาราว ๆ 3,000 บาท/กรัม อีกทั้งจีนเองก็มีแบรนด์สินค้าออกมาใหม่มากมายในราคาที่เอื้อมถึงได้และเป็นที่นิยมในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงในไทยเองด้วยค่ะ ซึ่งสองเรื่องราวที่เรากล่าวมานั้นแสดงให้เห็นว่าผู้คนเลือกที่จะซื้อของน้อยลงในราคาที่ประหยัดขึ้น นั่นเป็นสัญญาณที่สื่อให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ได้ฟื้นตัวมาก และมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 ปีนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นทองจึงยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนและมีราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ

สุดท้ายนี้หากคุณไม่เคยลงทุนในทองคำมาก่อน เราขอแนะนำให้ศึกษาตลาดทองให้เข้าใจชัดเจนก่อนนะคะ ถึงแม้ว่าทองจะทำกำไรได้ก็จริงแต่ในอนาคตหากเศรษฐกิจดีขึ้น ราคาทองก็อาจตกลงได้ค่ะ และถ้าคุณซื้อในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้คุณขาดทุนได้มากกว่าที่นะคะ แต่หากคุณไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลที่ไหนดี เรามีบทความดี ๆ เกี่ยวกับทองคำและอัญมณีอื่น ๆ เตรียมพร้อมให้คุณแล้วค่ะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากลิงก์นี้เลยนะคะ >> บทความน่ารู้เกี่ยวกับอัญมณี เพชร พลอย

บทความที่น่าสนใจ

ซื้อทองหลุดจํานํา ที่ไหนดี ทำไมต้อง Irin Gems

Irin Gems รับผลิตแหวน จำหน่ายเพชรหลุดจำนำ เพชรมือสอง แหวนหลุดจำนำ ทองหลุดจำนำ แหวนแต่งงาน ของหลุดจำนำ

Jewelry one stop service เป็นบริการจิวเวอร์รี่ที่เดียวที่ให้บริการดูแลเครื่องประดับในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขัด ล้าง ชุบ ออกแบบเครื่องประดับใหม่ ฝังพลอยฝังเพชร ฯลฯ เพราะเราคือ B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) ที่มีบริการดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์ครบทุกปัญหาเกี่ยวกับเครื่องประดับ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตตัวเรือน ไปจนถึงเครื่องประดับสำเร็จรูป นอกจากนี้เรายังมีทีมดีไซน์ที่พร้อมออกแบบเครื่องประดับได้ ไม่ว่าจะซ่อม, ชุบ, ขัด หรือล้าง ตรงตามความต้องการของคุณ และที่สำคัญเรายังเป็นอาณาจักรของหลุดจำนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งส่งตรงจากโรงรับจำนำทั่วเมืองไทยที่มีการอัปเดตสินค้าทุกอาทิตย์อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้คุณได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้บริการกับเราค่ะ

แชร์บทความ
Line

Your cart

No products in the cart.