รูปทรงของเพชรมีกี่แบบ แบบไหนแพงที่สุด
นอกจากซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ฯ รับรองคุณภาพของเพชรแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ใครหลายคนตัดสินใจซื้อเพชรก็คือรูปทรงของเพชรนั่นเอง แล้วแต่ละรูปทรงมีความหมายแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
รูปทรงของเพชรมีกี่แบบ มีความหมายอย่างไรบ้าง
1. เพชรทรงกลม (Round Brilliant Cut Diamond)
ด้วยรูปทรงที่สามารถเข้ากันได้กับการแต่งตัวทุกรูปแบบ ทำให้เพชรทรงกลมติดอันดับ 1 ของทรงเพชรยอดนิยมที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้ หากขัดเกลาทรงเพชรให้กลมมาก จะช่วยให้สะท้อนแสงไฟได้ดี และด้วยความที่หน้าเพชรมีมากถึง 58 ด้าน ส่งผลให้เพชรดูโดดเด่นมีประกาย ทั้งนี้เราขอแนะนำให้เลือกเพชรเจียระไนระดับ 3 Excellence หรือ Very Good เพราะจะทำให้เพชรดูสวยงามได้มากเท่าที่จะทำได้ ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความเป็นนิรันดร์ จึงนิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้นเพื่อสื่อถึงความรักอันเป็นนิรันดร์
ทำไมเพชรทรงกลมถึงเป็นทรงที่มีราคาแพงที่สุด
เหตุผลคือเพชรทรงนี้มีหน้าเพชรมากถึง 58 ด้าน ทำให้เกิดประกายวูบวาบมากกว่าทรงอื่น จึงเป็นที่นิยมมากที่สุด เหมาะสำหรับซื้อเพื่อลงทุน แต่หากมีงบไม่ถึงราคาเพชรทรงกลม แนะนำให้เล่นเพชรทรงสี่เหลี่ยมขอบมน (Cushion Cut Diamond) แทน เนื่องจากมีเหลี่ยมใกล้เคียงกับเพชรทรงกลมมากที่สุด ทำให้ประกายสวยได้ใจไม่แพ้ทรงกลมเลย แถมราคายังถูกกว่าอีกตั้ง 30%
2. เพชรทรงไข่ (Oval Cut Diamond)
เป็นเพชรทรงรี หรือรูปทรงไข่ ด้วยลักษณะที่เป็นวงรี ทำให้เพชรดูใหญ่เมื่อเทียบกับเพชรทรงอื่น แม้ว่าจะเจียระไนแบบเดียวกับเพชรกลมที่ทำให้ได้ประกายไฟสวยงาม แต่ข้อเสียอยู่ที่รูปทรงยาว อาจทำให้เล่นไฟได้ไม่ทั่วเม็ด แนะนำให้เลือกเพชรที่มีสีค่อนข้างขาวเพื่อเพิ่มออร่าความสวยของเพชรให้โดดเด่น ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความน่าเอ็นดู น่าทะนุถนอม ดูดีมีรสนิยม
3. เพชรทรงมาร์คีส์ (Marquise Diamond)
ใช้การเจียระไนแบบ Brilliant Cut ด้วยรูปทรงคล้ายเมล็ดข้าวที่ดูใหญ่เมื่อเทียบกับราคาและน้ำหนัก เพชรทรงนี้จึงดูมีกะรัตและน้ำหนักที่มากกว่าเพชรทรงอื่น เหมาะสำหรับคนที่อยากประหยัดงบ แถมตัวเพชรยังดูเด่นขึ้นมาได้จากรูปทรงในตัวมันเอง แต่ข้อเสียอยู่ที่การเลือกแบบที่เหมาะกับเพชรก็ทำได้ยากเช่นกัน ความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความแตกต่าง ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง
4. เพชรทรงหัวใจ (Heart Cut Diamond)
เพชรทรงหัวใจโดยทั่วไปจะมีสัดส่วนสมมาตรกันทั้งซ้าย-ขวา เพื่อให้เพชรดูสมส่วนและมีเนื้อเพชร ทั้งนี้อย่าลืมเช็กส่วนปลายแหลมว่าเห็นเด่นชัดดีหรือไม่ ต้องไม่แตกหักหรือบิดงอเกินไปด้วย หรืออาจเลือกตัวเรือนฝังแบบหนามเตย 3 หนาม เพื่อเน้นในส่วนขอบของหัวใจให้เด่นมากยิ่งขึ้น ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความรัก ความปรารถนาดี และความสดใส
5. เพชรทรงหยดน้ำ (Pear Shaped Diamond)
เป็นรูปทรงที่ผสมผสานระหว่างความกลมมนและปลายแหลม มีการเจียระไนแบบ Brilliant Cut ทำให้มีหน้ากว้างใหญ่พอสมควรเมื่อเทียบกับน้ำหนัก เพชรหยดน้ำที่นำมาทำเป็นเครื่องประดับแหวนเพชร เน้นให้ปลายแหลมชี้เข้าตัวเพื่อหันมายังหัวใจของผู้สวมใส่ สื่อถึงความรักที่หนักแน่น ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงการผจญภัย ชีพจรลงเท้า มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
6. เพชรทรงสี่เหลี่ยม (Princess Cut Diamond)
เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการเครื่องประดับ เนื่องจากเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงเล่นไฟได้ดีกว่าเพชรทรงใกล้เคียงกัน ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความสง่างาม เข้มแข็ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ส่งเสริมออร่าความน่าเชื่อถือให้คุณด้วย แนะนำให้ฝังหนามเตยลงบนตัวเรือนให้ครบทั้ง 4 ด้าน
7. เพชรทรงเอมเมอรัล (Emerald Cut Diamond)
เป็นทรงเพชรที่เด่นในเรื่องของการมีพื้นที่หน้าเพชรกว้างกว่าเหลี่ยมอื่น ช่วยให้รับแสงไฟเพื่อสะท้อนกับส่วนเส้นตรงภายในที่เจียระไนได้ดี ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความสงบ, สุขุม ดูเรียบหรู แนะนำให้เลือกความสะอาดของเพชร (Clarity) ไม่ต่ำกว่า VS2 เพื่อกลบตำหนิของเพชรที่อาจขึ้นบนหน้าเพชร
8. เพชรทรงสี่เหลี่ยมขอบมน (Cushion Cut Diamond)
เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมที่มีขอบมน จุดเด่นอยู่ที่เทคนิคการเจียระไนผสมระหว่างการเจียระไนแบบเพชรกลมและแบบเพชรเอมเมอรัล ช่วยให้เล่นไฟได้ดี ดูระยิบระยับ โดยมีรูปทรงให้เลือกทั้งแบบจัตุรัสและผืนผ้า แนะนำให้เลือกแบบที่มีความลึกและหน้ากว้างไม่เกิน 70% ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความรัก ความสวยงาม ความมีรสนิยม และความเป็นหญิงแกร่ง เสริมสร้างความมั่นใจให้คุณผู้หญิงได้เป็นอย่างดี
9. เพชรทรงแอชเชอร์ (Asscher Cut Diamond)
หากเทียบกับเพชรทรงเอมเมอรัลคัทแล้ว เพชรทรงแอชเชอร์มีลูกเล่นขั้นบันไดลึกกว่า แต่เล่นไฟจากภายในตัวเพชรดูโดดเด่นมากกว่า และมีส่วนบนของเพชรที่สูงกว่าด้วย ทั้งนี้เราขอแนะนำให้เลือกสีที่สูงกว่า H และความสะอาดที่สูงกว่า VS ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงความรักในตัวเองและเสริมดวงความรักของคู่รักให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
10. เพชรบาเก็ต (Baguette Diamond)
เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีหน้าเพชร 24 ด้าน, มีขอบคู่ขนานเป็นเส้นตรงยาว และโปร่งใสกว่าเพชรทรงอื่น นิยมใช้เป็นเพชรขนาดเล็กเพื่อประดับรอบเพชรเม็ดใหญ่ เพื่อเน้นเพชรเม็ดใหญ่ให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น หรืออาจใช้เพชรบาเก็ตมาประกอบรวมกันเป็นเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียวเพื่อประหยัดงบก็ได้ด้วย ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงการเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น เน้นความเป็นปัจเจกเป็นหลัก
11. เพชรเรเดียน (Radiant Diamond)
นอกจากจะมีหน้าเพชรเป็นจำนวนมากกระจุกอยู่รอบ ๆ เพชร ช่วยให้เล่นไฟได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ขอบที่เป็นเหลี่ยมตัดนั้นยังเหมาะกับเพชรกลมหรือเพชรเหลี่ยมบนเครื่องประดับเพชรชิ้นเดียวกันอีกด้วย แนะนำว่าถ้าเลือกซื้อเพชรทรงนี้ให้เลือกซื้อเพชรน้ำ 96% ขึ้นไป (H Color) และนำงบส่วนที่เหลือไปเสริมการเจียระไน (Cut) ให้งดงามยิ่งขึ้นได้ ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงอิสระ และช่วยเสริมความสามารถที่หลากหลายให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
12. เพชรสามเหลี่ยม (Trillion Cut Diamond)
จุดเด่นของเพชรสามเหลี่ยมอยู่ที่ความกว้างของหน้าเพชรสามเหลี่ยมที่ทำให้เพชรทรงนี้ดูใหญ่กว่าเพชรทรงอื่นในกะรัตเดียวกัน เหมาะสำหรับนำมาประดับเพชรเม็ดหลักในแหวนเพชรแต่งงาน หรือใช้ตกแต่งรอบ ๆ เพชรเม็ดใหญ่ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้แนะนำให้เลือกแบบที่มีหนามเตยมาจับทั้งสามมุม ป้องกันไม่ให้ส่วนแหลมของเพชรไปกระทบกับสิ่งต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดรอยได้ ส่วนความหมายของเพชรทรงนี้สื่อถึงพลังอำนาจ, ความรัก และเพิ่มความมั่นใจในตัวเองซึ่งช่วยเสริมเสน่ห์ไปในตัวด้วย
ส่วนใครที่กำลังมองหาเครื่องประดับเพชรพลอยสวย ๆ คุณภาพดีสักชิ้นอยู่แล้วล่ะก็ Irin Gems เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เราเป็นร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีที่เปิดทำการมานานเกือบ 2 ทศวรรษ เรามีสินค้าให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเพชรแท้, พลอยแท้ และของหลุดจำนำอื่น ๆ เรากล้าการันตีคุณภาพเครื่องประดับทุกชิ้น ทางเรามีโรงงานเป็นของตัวเอง สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตตัวเรือนไปจนถึงเครื่องประดับสำเร็จรูป นอกจากนี้เรายังมีบริการ jewelry one stop service รองรับทุกความต้องการและแก้ไขปัญหาให้คุณได้อย่างตรงจุด เพื่อให้คุณได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้บริการกับเรา